เช็คให้พร้อมก่อนออกรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนซื้อต้องดูอะไรบ้าง ?

รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV กลายมาเป็นเทรนด์มาแรงสำหรับกลุ่มคนที่ใส่ใจเทคโนโลยีและสิ่งเเวดล้อม  แม้ว่าทุกวันนี้เราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งฉิวบนถนนอยู่บ้าง หลายคนอาจคิดว่ามองไปแล้วรู้สึกเท่สมาร์ทไม่เบา แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้แน่นก่อน ทั้งรุ่นรถยนต์ ความเร็วในการขับขี่ ลักษณะการใช้งาน หรือประกันภัยรถยนต์ เพราะการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลต่อการใช้งานต่อเจ้าของรถในระยะยาว นอกเหนือจากนั้นแล้ว หากตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า  อย่าลืมมองหาประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อคุ้มครองรถยนต์ด้วยนะครับ OOHOO.io มีประกันภัยให้เลือกหลายประเภท เปรียบเทียบราคาได้ ซื้อประกันออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง คุ้มครองทันทีหลังกดซื้อ ประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็มีแล้ว

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ต้องเตรียมตัวยังไง ไปดูกันเลย!

1.ศึกษารุ่นรถ และรู้ระยะจริงของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี

การสำรวจความต้องการของคนขับต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะหากซื้อรถสักคันเจ้าของรถคงต้องการฟังก์ชั่นที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับตัวเองได้ ทั้งนี้การเลือกซื้อรถจากลักษณะนิสัยการขับก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายเจ้า และมีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกพิจารณาอยู่หลายรุ่น ซึ่งแต่ละคันก็มีระยะทาง Performance ที่แตกต่างกัน  ดังนั้น การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน จำเป็นต้องดูลักษณะการใช้งานของเจ้าของรถ ศึกษารุ่นรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรู้ระยะจริงในการวิ่งของตัวรถยนต์ในการชาร์จไฟฟ้าในแต่ละครั้ง โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ชาร์จไฟเต็ม 100 % จะสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 400-700 กิโลเมตร หากเจ้าของรถมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถทางไกลอย่างต่อเนื่อง หรือจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน สิ่งนี้จะช่วยเป็นตัวกำหนดว่ารถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับไลฟ์สไตล์เรามากน้อยแค่ไหน 

2. เตรียมติดตั้งชุดชาร์จภายในบ้าน

ถ้าตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV แล้ว สิ่งสำคัญที่ควรนึกถึงเป็นลำดับต่อมาคือ การติดตั้งชุดชาร์จไฟฟ้าภายในบ้าน เพราะเราต่างก็รู้ดีว่าเมื่อขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาทั้งวัน เราจำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้าให้กับตัวรถเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานในวันถัดไป การติดตั้งชุดชาร์จภายในบ้าน จะเลือกแบบชาร์จช้าโดยสายอะเเดปเตอร์ที่แถมมาให้ภายในรถยนต์ หรือจะติดตั้ง Wall Charge แบบชาร์จเร็วเพื่ออำนวยความสะดวกขึ้นก็ได้ แต่อย่าลืมเช็คมิเตอร์ไฟและสายไฟที่มาพร้อมสำหรับการชาร์จไฟฟ้าด้วย 
ลักษณะมิเตอร์ในบ้านหรือที่อยู่อาศัยในตัวเมือง ก็จะเป็นมิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15(45) แอมป์ แต่ถ้าหากเป็นที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดที่ไม่ได้ใช้กำลังไฟมาก ก็จะเป็นขนาด 5(15) แอมป์ สำหรับการใช้ชาร์จรถไฟฟ้าลักษณะการกินไฟเริ่มต้นที่ระดับ 16 แอมป์ขึ้นไป ดังนั้นเมื่อมีการเสียบสายชาร์จเกิน 15 แอมป์ เบรกเกอร์จะทำการตัดการทำงานทันที ถ้าหากว่าเราต้องการใช้งานรถไฟฟ้า จำเป็นต้องเตรียมหม้อแปลงให้พร้อมถึงจะรองรับการใช้งานได้ปกติ ทั้งนี้ หากติดตั้งชุดชาร์จภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็หมั่นเสียบปลั๊กชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นนิสัยด้วย ถ้าหากอยากลองศึกษาข้อมูงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน Mr.OOHOO ทำบทความให้อ่านกันเเล้ว ลองเข้าไปอ่านกันดูได้เลย

3.มองหาแหล่งชาร์จไฟฟ้านอกบ้าน

แน่นอนว่าเราฝึกเสียบปลั๊กชาร์จรถยนต์ก่อนนำออกมาใช้งานนอกบ้านจนเป็นนิสัย จะส่งผลดีกับตัวรถยนต์และอำนวยความสะดวกในการขับขี่แล้ว สิ่งที่ควรทำคือการหาแหล่งชาร์จไฟฟ้านอกบ้านสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน แม้ว่าเราชาร์จไฟฟ้าเต็ม 100% ทุกวัน ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพลังงานจะหมดไป แต่การที่มีตัวช่วยสำหรับชาร์จไฟฟ้านอกบ้าน หรือมีแอพพลิเคชั่น เช่น PlugShare, EQ Ready,Greenlots มีให้บริการชาร์จไฟฟ้าได้ “ฟรี” ในเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม หากมีธุระนอกบ้าน จะได้วางแผนและช่วยในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย และถ้าใครอยากลองหาพิกัดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ล่ะก็ Mr.OOHOO รวบรวม พิกัดจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล อัพเดทปี 2566 ไว้ให้ศึกษาแล้วครับ ลองไปดูกันได้เลยยย

4.ใช้งานอย่างรอบคอบ วางแผนดี เผื่อเวลาเดินทางในระยะไกล
สำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV หนึ่งคัน เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าข้อจำกัดในเรื่องของจุดชาร์จไฟฟ้าไม่ได้มีให้บริการมากหากเทียบกับรถยนต์สันดาปที่สามารถขับแวะไปเติมน้ำมันได้ตลอด 24 ชั่วโมงและมีปั๊มน้ำมันคอยบริการอยู่ทั่วประเทศ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าอาจะเหมาะกับการขับในตัวเมืองมากกว่าต่างจังหวัด แต่ในบางกรณีที่เราจำเป็นต้องเดินทางไกลหรือขับรถยนต์ไฟฟ้าออกไปต่างจังหวัด เราก็ควรต้องวางแผนการเดินทางให้ดี  เช็คว่าระยะทางว่าพอกับไฟฟ้าที่เรามีอยู่หรือไม่ เช่น ถ้าเราต้องการเดินทางจากกรุงเทพไปอ่างทอง ระยะทางประมาณ 120 - 130 กิโลเมตร แน่นอนว่ากำลังไฟฟ้าของเครื่องรถยนต์สามารถเดินทางไปถึงได้แน่นอน จากนั้นควรต้องวางแผนต่อว่า เมื่อถึงอ่างทองแล้ว สามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าไปชาร์จไฟได้ที่ไหนเพื่อให้สามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย

5.ศึกษาข้อควรระวังในการใช้รถไฟฟ้า
อีกหนึ่งข้อสำคัญที่ต้องเตรียมรับมือกับรถยนต์ไฟฟ้าคือวิธีการดูแลรักษา เพราะรถยนต์ไฟฟ้าอาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องดูแลเป็นพิเศษมากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป โดย เช็ครถตามระยะทางอย่างสม่ำเสมอ การตรวจเช็ครถและซ่อมบรุงตามระยะทางการขับขี่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนเสริมในบริการที่มากับตัวรถยนต์ เพราะหากขาดการตรวจเช็คสภาพรถ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของตัวรถยนต์และการขับขี่ หลีกเลี่ยงการจอดตากแดด เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีหม้อแบตเตอรี่ที่ไม่ถูกกับความร้อน เมื่อจอดรถเอาไว้กลางแดดอาจทำให้หม้อเเบตเตอรี่เสื่อมเพราะความร้อนที่สูงขึ้น หากคิดจะรักษาเครื่องยนต์รถไฟฟ้าควรหาที่จอดรถในสถานที่ที่มีร่มเงาจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อแบตเตอรี่ได้  เช็คมอเตอร์ไฟฟ้าเสมอ เจ้าของรถจำเป็นต้องตรวจสอบมอเตอร์ตามระยะที่ตัวรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นกำหนด 

แม้ว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งเเวดล้อมและเทคโนโลยี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยสร้างวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น นอกจากจะมองเรื่องความยั่งยืนและแนวทางเลือกที่สามารถปฏิบัติได้ รถยนต์ไฟฟ้ายังคงต้องพิจารณาเป็นขั้นตอนและดุลพินิจของคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้ออยู่พอสมควร แม้ว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันในยุคเศรษฐกิจที่น้ำมันเเพง โดยเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการทำประกันรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กรณีรถสูญหายจากการถูกขโมย หรือน้ำท่วม เหตุไฟไหม้ อย่างน้อยก็มีประกันรถยนต์ที่ช่วยคุ้มครองค่าเสียหายจากเหตุต่างๆ ที่ OOHOO.io แหล่งรวมประกันภัยรถยนต์ สามารถเลือกเทียบราคาประกันได้ รูปแบบประกันรถยนต์ออนไลน์ ไม่โทรกวนใจ จบง่ายในเว็บเดียว สามารถต่อประกันและเช็คสิทธิความคุ้มครองได้ด้วยตัวเอง รับกรมธรรม์ทันทีหลังจากกดซื้อ หากยังไม่แน่ใจ ก็ลองกดเข้าไปดูประกันภัยรถยนต์ก่อนได้เลย