ปัญหาคาใจ ชาวคอนโดซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คุ้มกว่าจริงไหม?

       สวัสดีครับ! เพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ Mr.OOHOO จะมาไขปัญหาคาใจชาวคอนโดที่กำลังสงสัยก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV ดีหรือไม่ เพราะปัจจุบันนี้ กระเเสรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีเเนวโน้มที่ดีในการซื้อมาใช้งานในอนาคต เพราะนอกจากจะช่วยลดมลพิษในอากาศแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันอีกด้วย แต่ยังไงก็ตามการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องคิดให้ดีก่อนเลือกซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวคอนโดมิเนียมที่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง

       แต่สำหรับใครที่มีปัญหาคาใจเรื่องประกันรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ล่ะก็? ไม่ต้องกังวลใจไปครับ Mr.OOHOO ขอแนะนำแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่ OOHOO.io มีแผนประกันออนไลน์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกมากมาย เปรียบเทียบราคาได้เอง ผ่อน 0% ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ รับกรมธรรม์คุ้มครองทันทีหลังกดซื้อ สะดวกรวดเร็ว ไม่มีเจ้าหน้าที่โทรกวนใจ จบง่ายในเว็บเดียว 

หัวจะปวด ปัญหาคาใจ ชาวคอนโดซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คุ้มกว่าจริงไหม?

ข้อจำกัดด้านพื้นที่จอดรถ

       ไม่ว่าจะขับรถยนต์สันดาปหรือเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ต่างก็เจอปัญหาด้านพื้นที่จอดรถเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคอนโดมิเนียมมีพื้นที่สำหรับจอดรถอย่างจำกัด ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ แต่ในบางกรณีอาจมีการเช่าพื้นที่เพื่อจองที่จอดรถสำหรับรถยนต์ได้ ทั้งนี้ควรมองถึงปัญหาด้านพื้นที่และค่าเช่าเพื่อจองพื้นที่สำหรับจอดรถด้วย แม้จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันและบำรุงรักษารถ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้ แต่เราก็ต้องเจอกับปัญหาด้านค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก 

ข้อจำกัดด้านแหล่งชาร์จไฟฟ้า      

       ใครมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยส่วนตัวก็สามารถติดตั้งแหล่งชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเองได้ แต่ถ้าหากเป็นชาวคอนโดหาเช้ากินค่ำ ที่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่และเวลา ก็ต้องสแกนหาพื้นที่สำหรับซื้อหรือเช่าคอนโดให้ดี จากผลสำรวจในเดือนมิถุนายน ปี 2565 โดย เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV เพียง 3% จากพื้นที่อยู่อาศัยคอนโดทั้งหมด นอกจากนี้ประมาณ 3 ใน 4 ของคอนโดมิเนียมที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้น มีจุดชาร์จรองรับได้เพียง 1 หรือ 2 คันพร้อมกันเท่านั้น ทำให้การเข้าถึงแหล่งชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทางออกที่อยากแนะนำคือ หาแหล่งชาร์จไฟฟ้า(Charging Station)ที่ใกล้คอนโดมิเนียม หรือเข้าถึงได้ง่ายตามเส้นทางวิ่งรถที่ขับเป็นประจำ Mr.OOHOO เคย แจกพิกัดจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล อัพเดทปี 2566 เอาไว้แล้ว หากใครสนใจก็ลองไปตามดูกันได้นะครับ 

ค่าไฟสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ถูกกว่าค่าน้ำมันจริงไหม?

       หากต้องการชาร์ตเเบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ใช้งานได้ 100 % ก็ต้องคำนวนจากความจุเเบตเตอรี่เป็นหลัก ค่าใช้จ่ายสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งตามรูปแบบการชาร์จได้ 3 วิธี คือ

1. การชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge)
       วิธีนี้เป็นการชาร์จไฟฟ้าจากตัวเต้ารับโดยตรง ขนาดมิเตอร์ขั้นต่ำ คือ 30(100)A และต้องมีเต้ารับใหม่สำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยเป็นการใช้ไฟบ้านที่เป็นกระแสสลับ (AC) ซึ่งความเร็วชาร์จไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 7.4 kW ต่อ 1 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 12-16 ชั่วโมง มีค่าชาร์จอยู่ที่ 4.2 บาท ต่อ 1 kWh เหมาะสำหรับคนที่มีบ้าน หรือมีที่อยู่อาศัยส่วนตัวที่สามารถชาร์จรถยนต์ทิ้งๆว้ทั้งคืนหรือในระยะเวลานาน ๆ ได้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับชาวคอนโดในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคัน
2. การชาร์จแบบเร็ว (Double Speed Charge)
       สำหรับใครที่มีข้อจำกัดด้านเวลา โดยเฉพาะชาวคอนโด เครื่องชาร์จแบบ EV Charger ช่วยให้ชาร์จพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่รถให้เต็มเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นตู้ชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ให้ความเร็วชาร์จไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 22 kW ต่อ 1 ชั่วโมง และมีค่าชาร์จอยู่ที่ 5.5 บาท ต่อ 1 kWh ใช้เวลาเพียง 6-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทั้งนี้ และต้องเผื่อเวลาสำหรับผู้อยู่อาศัยหรือลูกบ้านคนอื่น ๆ ที่ต้องการใช้งานตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย เพราะหากชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทิ้งไว้โดยไม่คำนึงถึงการใช้งานของลูกบ้านคนอื่น ๆ อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ 
3. การชาร์จแบบด่วน (Quick Charge) 
       การชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) ช่วยให้ประหยัดเวลาได้มากที่สุด เหมาะกับการขับรถแวะเข้าชาร์จไฟฟ้าหลังเลิกงาน หรือเวลาว่าง ตอบโจทย์ชาวคอนโดที่มีรถยนต์ไฟฟ้าสุดๆ  เพราะเป็นการชาร์จเข้าแบตเตอรี่โดยตรง สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จาก 0-80% ได้ภายในเวลา 30-60 นาที ต่อ 1 ครั้งสำหรับการใช้งาน  มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6.5 บาท ต่อ 1 kWh โดยความเร็วชาร์จไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 50 kW ต่อ 1 ชั่วโมง โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจะติดตั้งตู้ชาร์จแบบด่วน (Quick Charge)  เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้งานเป็นหลัก
       แต่ถ้ายังไม่มั่นใจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC กับ DC Fast charge แบบไหนดีกว่ากัน? Mr.OOHOO อธิบายไว้ในบทความก่อน ๆ เเล้ว ไปศึกษาย้อนหลังกันได้เลยครับ 

        เพื่อน ๆ ที่อยากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ติดปัญหาอยู่คอนโดก็ควรพิจารณาให้ดี เริ่มต้นจากความสะดวกสบายด้านการใช้งาน พื้นที่จอดรถ แหล่งชาร์จพลังงาน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ นอกเหนือจากนั้น ที่อยู่อาศัยก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ถ้าสามารถรับประกันความเหมาะสมและสะดวกสบายของการใช้งาน การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก็จะเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาคาใจเมื่อเราตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตครับ

       สุดท้ายนี้ เมื่อพูดถึงความคุ้มค่า คุ้มราคาก็ต้องมีประกันรถยนต์ไฟฟ้าติดเอาไว้ เพื่อรับประกันความเสียหายหากเกิดอุบัติเหตุ หรือภัยธรรมชาติ คุ้มครองได้แม้ไร้คู่กรณีต้องที่ OOHOO.io เท่านั้นครับ มีประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกซื้อกันแล้ว ลองเข้ามาเลือกแผนประกันภัยได้ง่าย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเป็นเเพลตฟอร์มสำหรับประกันออนไลน์ ทำง่ายแค่คลิกเดียว ที่สำคัญเทียบราคาได้เอง ไม่มีเจ้าหน้าที่โทรกวนใจ รับกรมธรรม์ออนไลน์ คุ้มครองทันทีไม่มีเงื่อนไข คุ้มค่า คุ้มราคาขนาดนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วครับ 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : ไทยรัฐ / moneybuffalo / EGAT charging station