คู่มือความปลอดภัยรถยนต์ที่ควรรู้ ระบบถุงลมนิรภัย (Airbag) ทำงานอย่างไร?

คู่มือความปลอดภัยรถยนต์ที่ควรรู้ ระบบถุงลมนิรภัย (Airbag) ทำงานอย่างไร?

15 Oct 2025

ระบบถุงลมนิรภัย (Airbag) ทำงานอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ระบบถุงลมนิรภัยคืออะไร?

       ถุงลมนิรภัย (Airbag) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยหลักการทำงานคือการกางถุงลมออกมาในเสี้ยววินาที เพื่อรองรับแรงกระแทกและป้องกันร่างกายไม่ให้ชนกับส่วนแข็งของรถ เช่น พวงมาลัย แดชบอร์ด กระจก หรือเสาในตัวถังรถ

       แม้ถุงลมนิรภัยจะไม่สามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้โดยตรง แต่ก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการ ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้โดยสาร

หลักการทำงานของถุงลมนิรภัย

       หลายคนอาจสงสัยว่า ถุงลมนิรภัยทำงานอย่างไร? กระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ภายในเวลาเพียง 0.02 – 0.05 วินาที โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. การตรวจจับแรงกระแทก
    รถยนต์จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงชน (Crash Sensor) ติดตั้งอยู่ในหลายตำแหน่ง เช่น ด้านหน้าและด้านข้าง เมื่อเซ็นเซอร์พบว่ามีแรงกระแทกที่รุนแรงเกินค่ามาตรฐาน ระบบจะส่งสัญญาณไปยังหน่วยควบคุม

  2. การจุดระเบิดก๊าซ
    หน่วยควบคุมจะสั่งให้กลไกจุดระเบิดทำงาน เพื่อสร้างก๊าซไนโตรเจนหรืออากาศแรงดันสูง

  3. การกางถุงลม
    ถุงลมที่พับเก็บอยู่ในพวงมาลัย คอนโซล เบาะ หรือด้านข้างตัวรถ จะพองตัวออกทันทีเพื่อรองรับแรงกระแทก

  4. การยุบตัวของถุงลม
    หลังจากถุงลมกางออกแล้ว จะค่อย ๆ ยุบตัวลงอย่างรวดเร็วผ่านรูระบายอากาศ เพื่อไม่ให้กีดขวางการหายใจและการเคลื่อนไหวของผู้โดยสาร

กล่าวได้ว่า การทำงานของถุงลมนิรภัยคือการ "รับแรงกระแทกแทนร่างกาย" ภายในเสี้ยววินาที

ประเภทของถุงลมนิรภัยในรถยนต์

       ปัจจุบัน รถยนต์สมัยใหม่ไม่ได้มีเพียงถุงลมนิรภัยด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังมีการติดตั้งหลายตำแหน่งเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่

  1. ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (Front Airbags)
    ติดตั้งที่พวงมาลัยและคอนโซลด้านหน้า ป้องกันการกระแทกจากพวงมาลัยหรือแดชบอร์ด

  2. ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)
    ช่วยป้องกันแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง ปกป้องส่วนหัวและลำตัว

  3. ถุงลมนิรภัยม่านนิรภัย (Curtain Airbags)
    กางลงมาจากเพดานรถ เพื่อป้องกันศีรษะเมื่อรถพลิกคว่ำหรือถูกชนด้านข้าง

  4. ถุงลมนิรภัยหัวเข่า (Knee Airbags)
    ป้องกันหัวเข่าและขาจากการกระแทกกับคอนโซลหน้า

  5. ถุงลมนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง (Rear Airbags)
    พบในรถหรูหรือรถระดับพรีเมียม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารตอนหลัง



ซื้อประกันรถยนต์ที่ OOHOO ดีอย่างไร

ผ่อนเงินสด 0% <br/>ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้

ผ่อนเงินสด 0%
ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้

การันตีราคาถูกที่สุด <br/>เจอที่อื่นถูกกว่าเราพร้อมคืนเงินทันที

การันตีราคาถูกที่สุด
เจอที่อื่นถูกกว่าเราพร้อมคืนเงินทันที

เปรียบเทียบได้เลย <br/>เช็คราคา ความคุ้มค่าก่อนสั่งซื้อ

เปรียบเทียบได้เลย
เช็คราคา ความคุ้มค่าก่อนสั่งซื้อ

ซื้อเองได้ 24 ชั่วโมง <br/>จ่ายงวดแรกคุ้มครองเลย

ซื้อเองได้ 24 ชั่วโมง
จ่ายงวดแรกคุ้มครองเลย

รับกรมธรรม์ได้เลย <br/>ผ่านระบบออนไลน์

รับกรมธรรม์ได้เลย
ผ่านระบบออนไลน์

เจ้าหน้าที่พร้อมบริการด้วยใจ<br/>เมื่อคุณต้องการคำแนะนำ

เจ้าหน้าที่พร้อมบริการด้วยใจ
เมื่อคุณต้องการคำแนะนำ



ข้อดีของระบบถุงลมนิรภัย

  • ลดโอกาสเสียชีวิตและการบาดเจ็บรุนแรง
  • ป้องกันการกระแทกกับพวงมาลัย กระจก และส่วนแข็งในห้องโดยสาร
  • เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
  • ทำงานร่วมกับ เข็มขัดนิรภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกัน

หมายเหตุ: ถุงลมนิรภัยจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อผู้โดยสาร คาดเข็มขัดนิรภัย เพราะหากไม่คาด อาจถูกแรงระเบิดของถุงลมทำร้ายแทนที่จะช่วยป้องกัน

ถุงลมนิรภัยจำเป็นแค่ไหน?

       งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า รถที่มีถุงลมนิรภัยสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้มากกว่า 30% โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ดังนั้นการเลือกซื้อรถที่มีถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่งจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับความปลอดภัยในระยะยาว

       ดังนั้น หากคุณกำลังมองหารถยนต์ใหม่หรือใช้รถอยู่แล้ว อย่าลืมตรวจสอบว่ารถคันนั้นมีระบบถุงลมนิรภัยที่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคุณและคนที่คุณรักบนท้องถนน ระบบถุงลมนิรภัย (Airbag) ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ช่วยชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้จริง ด้วยการทำงานที่รวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ช่วยลดแรงกระแทกและความรุนแรงของการบาดเจ็บลงอย่างมาก แต่ถึงจะมี Airbag ก็ควรมี ประกันรถยนต์ คอยช่วยดูแลค่าใช้จ่ายและความเสียหายที่ไม่คาดคิด เลือกประกันรถยนต์ออนไลน์กับ OOHOO ให้คุณอุ่นใจได้มากกว่า