ความรู้พื้นฐานที่ควรรู้ ก่อนซื้อประกันรถยนต์

         สำหรับหลายคนที่ขับขี่รถยนต์จะตระหนักอยู่แล้วว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสามรถเกิดขึ้นได้เสมอประกันรถยนต์จึงมีความสำคัญในการช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินและกฎหมายให้กับผู้ใช้รถได้บทความนี้จะมาแนะนำความรู้พื้นฐานที่ควรรู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์คืออะไร?

         ประกันรถยนต์ คือ การตกลงทำสัญญากันระหว่างผู้ทำประกันภัยกับบริษัทรับประกันภัยเพื่อรับความคุ้มครองต่อความเสียหายและความสูญเสียที่เกิดแก่รถยนต์รวมถึงความสูญเสียต่อสุขภาพร่างกายและชีวิตของผู้ขับขี่ผู้โดยสารจนถึงบุคคลภายนอกให้ได้รับการซ่อมแซมและการรักษาพยาบาลต่างๆตามเงื่อนไขความคุ้มครอง

ทุนประกันรถยนต์ คืออะไร?

         ทุนประกันรถยนต์ คือ ค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้กับผู้ทำประกันภัย ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ ทรัพย์สิน และชีวิต สำหรับประกันบางประเภททุนประกันจะคุ้มครองถึง รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วมด้วย โดยการคุ้มครองของทุนประกันรถยนต์จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันรถยนต์ประเภทนั้นๆด้วย โดยส่วนใหญ่ทุนประกันจะถูกคิดจากราคารถและปีรถ ประกอบกับรุ่นรถและปีรถด้วย

ทุนประกันรถยนต์ ดูจากตรงไหน?

         ทุนประกันรถยนต์ดูได้จาก “กรมธรรม์ประกันรถยนต์”​ ที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย จากนั้นดูที่หัวข้อชื่อ “ทุนประกันภัย” โดยทุนประกันภัยนี้เป็นจำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันจะจ่ายสินไหมหรือชดเชยให้กับผู้ทำประกันภัย

ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง?

         โดยปกติแล้วความคุ้มครองของประกันรถยนต์นั้นจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ที่ผู้ทำประกันภัยได้ตกลงไว้กับบริษัทประกันภัยจะแบ่งออกเป็นการคุ้มครองหลักๆดังนี้

- การคุ้มครองพื้นฐานของประกันรถยนต์ คือ การคุ้มครองจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้บาดเจ็บ ทรัพย์สิน ค่าประกันตัวในการถูกดำเนินคดี เป็นต้น

- ความคุ้มครองจากการชน ในกรณีที่เกิดการชนจะให้ความคุ้มครองในการซ่อมรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงทรัพย์สินที่มีความเสียหายของบุคคลภายนอกหรือรถของคู่กรณีด้วย

- ให้ความคุ้มครองในกรณีอื่นๆนอกจากอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์บางประเภทจะให้ความคุ้มครองถึงกรณีอื่นที่ไม่ใช่เฉพาะอุบัติเหตุจากการชนเท่านั้นด้วย เช่น สูญหายจากการถูกขโมย ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท?

ประเภทของประกันรถยนต์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ และ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ แต่ประกันทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร?

1. ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (หรือที่รู้จักกันในชื่อประกัน พ.ร.บ.) ประกันรถยนตฺ์ประเภทนี้บังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ.นี้และต้องต่ออายุเป็นประจำทุกปี หากไม่ทำจะต่อภาษีรถยนต์ไม่ได้ หากภาษีรถขาดเกินระยะเวลาที่กำหนดจะมีค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด

2. ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นประกันรถยนต์ที่เจ้าของรถยนต์เลือกทำประกันรถยนต์ประเภทนี้โดยความสมัครใจ เพื่อประสงค์รับความคุ้มครองความเสียหายและการชดเชยต่างๆต่อตัวรถหรือบุคคล โดยประกันประเภทนี้ไม่มีถูกบังคับตามกฎหมายเจ้าของรถจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจมีแบบไหนบ้าง ดูได้ที่ >> ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์

ราคาและความคุ้มครอง

ก่อนซื้อประกันรถยนต์ควรทำการเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองจนถึงโปรโมชั่นเพื่อให้ได้ประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุด

พฤติกรรมการขับรถและการใช้รถ

ให้พิจารณาจากพฤติกรรมการขับรถและการใช้รถว่ามีความเหมาะสมกับแบบประกันภัยแบบใดเช่นขับรถเร็วมาก-น้อย, ใช้รถบ่อยแค่ไหน, ความถี่ในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น เฉี่ยวชนเล็กน้อยแต่เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็แนะนำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุดเป็นต้น

ความน่าเชื่อถือของบริษัท

ก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของบริษัทประกันนั้นๆ ให้ดีก่อน โดยตรวจสอบชื่อเสียง ความมั่นคง คุณภาพในการให้บริการหลังการขาย หรือคุณภาพการบริการเคลม ซึ่งอาจจะดูได้จากรีวิวจากผู้ใช้งานของบริษัทประกันภัยนั้นก็ได้

เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง

เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในการประกันภัย เช่น ค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า Excess) ว่ามีเงื่อนไขการจ่ายอย่างไร ค่าเสียหายส่วนแรกหรือค่าExcessคืออะไร? สามารถดูบทความได้ที่ >> ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร?  หรือขั้นตอนการเคลมเป็นอย่างไร มีความยาก-ง่ายอย่างไร? เป็นต้น

การทำประกันรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้วการทำประกันรถยนต์จะใช้เอกสาร ดังนี้

1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาใบขับขี่
3. สำเนาเล่มทะเบียนรถ
4. สำเนากรมธรรม์ฉบับปัจจุบันหรือที่กำลังจะหมดอายุ

สารมารถดูรายละเอียดเอกสารที่ใช้ทำประกันรถยนต์ได้ที่ >> การทำประกันรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง

กรณีที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง

1. ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่

2. ขับขี่ในขณะเมาสุราหรือยาเสพติด “เมาแล้วขับ” 

3. ใช้รถในทางผิดกฎหมาย

4. ใช้รถผิดวัตถุประสงค์หรือการใช้รถแบบไม่ปกติ

5. ดัดแปลงสภาพรถ

6. ตั้งใจทำให้เกิดความเสียหายหรืออุบัติเหตุ

7. ไม่แจ้งความกรณีรถถูกจารกรรมในเวลาที่กำหนด

สามารถดูรายละเอียดกรณีที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองได้ที่ >> 7ข้อที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง

         เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วหวังว่าจะได้รับความรู้เรื่องประกันรถยนต์ไปบ้างไม่มากก็น้อย หากต้องการปรึกษาเรื่องประกันรถยนต์ติดต่อ OOHOO.io ได้เลยหรือจะเช็คราคาเบี้ยประกัน เปรียบเทียบบริษัทประกันก็ได้ทำได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. คลิ้กปุ่มเช็คราคาเบี้ยประกันที่ด้านล่างได้เลย!